หลังจากชมเมืองแบบชิลล์ๆโดยการนั่ง Sightseeing Bus และ Sightseeing Cruise ไปแล้ว วันนี้เราจะมาเป็นพลเดินเท้า ตะลอนเที่ยวชมแลนด์มาร์คต่างๆในกรุงปารีสกัน
Hôtel de Ville, Paris
Hotel de Ville คือ ศาลาว่าการเมือง (City Hall) ของกรุงปารีส ตั้งอยู่ที่จตุรัส Place de l’Hôtel-de-Ville – Esplanade de la Libération ในเขตการปกครองที่ 4 สามารถเดินทางมาได้โดยรถไฟใต้ดิน (สาย 1 และสาย 11) เมื่อโผล่ขึ้นมาจากสถานีก็เจอเลย
Le BHV Marais ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของปารีส ตั้งอยู่หัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามกับ Hotel de Ville
Office du Tourisme et des Congrès de Paris สำนักงานใหญ่ของ ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวปารีส ตั้งอยู่ด้านข้างของอาคารศาลาว่าการฯ
Hôtel de Ville ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแซนในย่าน Marais ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ ถูกใช้เป็นศาลาว่าการเมืองของปารีสมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1357
ช่วงนี้สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญส่วนใหญ่ในปารีสกำลังบูรณะและตกแต่งเพื่อเตรียมตัวต้อนรับเทศกาล กีฬาโอลิมปิคฤดูร้อน (2024 Olympic Games) ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ในระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม 2024
Centre Pompidou
เดินขึ้นเหนือไปตามถนน Rue du Renard ประมาณสองบล็อก จะถึงจตุรัส Place Igor-Stravinsky ซึ่งมีบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ Stravinsky Fountain
น้ำพุ Stravinsky สร้างขึ้นในปี 1983 โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ Georges-Pompidou ประกอบด้วยประติมากรรม 16 ชิ้นที่อุทิศให้กับบทประพันธ์ของนักดนตรีชาวรัสเซีย อิกอร์ สตราวินสกี (Igor Stravinsky) เช่น The Mermaid, Life, Love, The Snake, Death
ด้านหลังของน้ำพุคืออาคารของ โบสถ์ Église Saint-Merry
ถัดไปอีกเล็กน้อย จะพบกับอาคารขนาดใหญ่ มีรูปทรงแปลกตา ที่นี่คือ ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติฌอร์ฌ ปงปีดู (Centre national d’art et de culture Georges-Pompidou)
ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติปงปีดู เป็นโครงการอาคารอเนกประสงค์ ได้รับการออกแบบสไตล์นวัตกรรมเชิงไฮเทค ภายในประกอบด้วยหลายส่วน เช่น ห้องสมุดสารสนเทศสาธารณะ (Bibliothèque publique d’information) ซึ่งเป็นห้องสมุดสาธารณะขนาดใหญ่, พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งชาติ (Musée National d’Art Moderne) เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และในส่วนสุดท้ายคือ สถาบันการวิจัยและความร่วมมือทางเสียง/ดนตรี (IRCAM) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านเสียงและด้านดนตรี
อาคารของศูนย์ฯ ปงปิดู เป็นที่รู้จักในเรื่องของการออกแบบที่นำเสนอโครงสร้างภายในล้วนๆ ทั้งโครงเหล็ก คอนกรีตเสริมเหล็ก แม้กระทั่งพวกท่อต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นการออกแบบที่แตกต่างมากในขณะนั้น ที่โดยปกติแล้วจะปกปิดไม่ให้เห็นโครงสร้าง การออกแบบได้รับคำชื่มชมจากหลายส่วนทั้งจากสื่อมวลชนเช่น เนชั่นแนล จีโอกราฟิก, เดอะนิวยอร์กไทมส์ เป็นต้น
ชื่อของศูนย์ฯ แห่งนี้มาจากชื่อของ ฌอร์ฌ ปงปีดู ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนที่ 2 ผู้ริเริ่มให้สร้างอาคารแห่งนี้ขึ้น ซึ่งได้เปิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ.1977 ข้อมูลในปี ค.ศ. 2006 พิพิธภัณฑ์ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 มาแล้วมากกว่า 180 ล้านคน และมากกว่า 5,209,678 คนในปี ค.ศ. 2013 เพียงปีเดียว
ย้อนกลับมายังจตุรัส Place de l’Hôtel-de-Ville เดินผ่านศาลาว่าการฯ แล้วข้ามสะพาน Pont d’Arcole ไปยัง เกาะ Île de la Cité กลางแม่น้ำแซน อันเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมถึง อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Cathédrale Notre-Dame de Paris)
โบสถ์แซ็งต์-ชาเปล (Sainte-Chapelle) เป็นโบสถ์เก่าแก่นิกายโรมันคาทอลิก ถูกสร้างขึ้นจากคำสั่งของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ในปี ค.ศ.1241
ห้องน้ำสาธารณะแบบไฮเทค ใช้งานเสร็จไม่ต้องทำอะไร สามารถเดินออกมาได้เลย ห้องจะถูกปิดล็อคและมีระบบฉีดล้างทำความสะอาดแบบอัตโนมัติทั้งห้อง เมื่อสะอาดแล้วจะมีไฟเขียวแสดงให้เห็นว่าพร้อมให้บริการผู้ใช้คนถัดไป
Hôtel-Dieu, Paris โรงพยาบาลของรัฐ มีอายุย้อนไปถึงปี ค.ศ. 829 ทำให้เป็นโรงพยาบาลที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส
Cathédrale Notre-Dame de Paris
อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส เป็นอาสนวิหารประจำอัครมุขมณฑลปารีส สร้างในปี ค.ศ.1163 คำว่า Notre Dame แปลว่า แม่พระ (Our Lady) ซึ่งเป็นคำที่ชาวคาทอลิกใช้เรียกพระนางมารีย์พรหมจารี อาสนวิหารน็อทร์-ดามถือกันว่าเป็นโบสถ์ที่สวยงามที่สุดในลักษณะกอทิกแบบฝรั่งเศส แผงด้านหน้าหรือฟาซาด (Facade) ของโบสถ์มีซุ้มประตูโค้งและหอคอยคู่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งถูกนำไปใช้กับโบสถ์อื่นๆอีกหลายแห่งทั่วโลก
เมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2019 เกิดเหตุเพลิงไหม้อาสนวิหาร สร้างความเสียหายอย่างหนัก โดยไฟได้โหมไหม้ตรงด้านบนของอาสนวิหาร หลังจากการระดมกำลังร่วมกันดับไฟที่โหมกระหน่ำอยู่ภายในอาสนวิหาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็สามารถควบคุมเพลิงได้ โดยสามารรักษาโครงสร้างหลักของอาสนวิหารเอาไว้ได้ ซึ่งกางเขนและแท่นมิซซาที่อยู่ภายในไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ถือเป็นข่าวสะเทือนใจคริสต์ศาสนานิกชนชาวฝรั่งเศสและทั่วโลก หลังจากนั้นจึงได้เริ่มทำการบูรณะ คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2024
บริเวณรอบๆโบสถ์ มีข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ไฟไหม้ตลอดจนขั้นตอนการปฎิสังขรณ์ให้ดูด้วย
แม้ว่าจะอยู่ในระหว่างบูรณะ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกันเป็นจำนวนมาก
ที่ด้านหน้าโบสถ์มีแท่นยกพื้นคล้ายอัฒจรรย์สำหรับให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปนั่งชม-ถ่ายภาพ
Charlemagne et ses Leudes (ภาษาอังกฤษ: Charlemagne and His Guards – ชาร์ลมาญและองครักษ์ของพระองค์) เป็นรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าอาสนวิหารน็อทร์-ดาม สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Louis และ Charles Rochet สำหรับนิทรรศการสากล (Universal Exposition) ในปี 1878
ชาร์ลมาญ (Charlemagne) เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงรวมยุโรปตะวันตกและยุโรปกลางส่วนใหญ่เข้าด้วยกันในช่วงประมาณปี ค.ศ. 800
รูปปั้นแสดงให้เห็นชาร์ลมาญ (Charlemagne) ในวัยชรา สวมมงกุฎจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และควงคทาของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 เขาถูกขนาบข้างด้วยผู้พิทักษ์สองคนคือ Oliver ซึ่งเป็นผู้นำทางม้าของชาร์ลมาญ และ Roland อัศวินผู้ชื่อเสียงจากดาบโอลีฟันต์ (ขวานสองหัว) และดาบในตำนานดูเรนดัล ผู้คอยยืนเฝ้าระวังศัตรูอยู่ด้านข้าง
Point Zero (จุดศูนย์กิโลเมตร) คือจุดที่เป็นตำแหน่งเริ่มต้นในการวัดระยะของเส้นทางถนนในฝรั่งเศส ลักษณะเป็นแผ่นหินสี่ชิ้นซึ่งตรงกลางมีเหรียญแปดเหลี่ยมวางแทนเข็มทิศ Point Zero แต่เดิมจะตั้งอยู่บนพื้นจัตุรัสหน้ามหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (แต่ในช่วงที่กำลังมีการบูรณะเราเดินหาไม่เจอ..^^)
จากบริเวณลานหน้าโบสถ์ จะมองเห็นยอดโดมของ Panthéon ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
Le Panthéon
วิหารแพนธีออน (Panthéon) เป็นวิหารที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 สั่งให้สร้างขึ้นแทนโบสถ์ Sainte-Geneviève ที่เสื่อมโทรม เพื่อแก้บนหลังจากที่หายจากประชวรครั้งใหญ่ อาคารหลังนี้สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ.1758 ถึง1790 ตัววิหารสร้างจากหินและหินอ่อนทั้หลังในสไตล์นีโอคลาสสิค โดยนำสถาปัตยกรรมโด่งดังของโลกสองแห่งมาผสมผสานกัน คือด่านหน้าวิหารดูละม้ายคล้ายกับวิหารแพนธีออน (Pantheon) ของกรุงโรม ส่วนยอดโดมสร้างตามแบบของมหาวิหาร Saint Paul ในกรุงลอนดอน หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส วิหารแพนธีออนได้ถูกใช้เป็นที่ฝังศพบุคคลสำคัญของประเทศ เช่น Voltaire กับ Jean-Jacques Rousseau สองนักปรัชญาผู้โด่งดัง และนักประพันธ์ Victor Hugo
ข้างๆ Panthéon คือที่ตั้งของห้องสมุดวรรณกรรม Jacques Doucet (Jacques Doucet Literary Library) เป็นห้องสมุดที่โดดเด่นซึ่งอุทิศให้กับวรรณคดีฝรั่งเศส สร้างขึ้นโดย Jacques Doucet และยกให้กับมหาวิทยาลัยปารีสในปี 1929
เยื้องไปทางด้านหลังของวิหาร Panthéon คือ โบสถ์แซ็ง-เอเตียน-ดู-มงต์ (Church of Saint-Étienne-du-Mont) เป็นโบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ที่สวยงาม
Place de la Concorde
จัตุรัส เดอ ลา คองคอร์ด (Place de la Concorde) เป็นหนึ่งในสี่แห่งจัตุรัสที่สำคัญในกรุงปารีส มีขนาดใหญ่ถึง 19 เอเคอร์ (ประมาณ 48 ไร่) และเป็นพื้นที่จัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงของฝรั่งเศส สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ในปี ค.ศ.1755 เพื่อประดิษฐานพระบรมรูปทรงม้าแต่ถูกทำลายโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทางทิศตะวันออกของจัตุรัสมีพื้นที่ติดต่อกับ สวน Tuileries Garden ซึ่งสามารถเดินไปถึง พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) ได้
การเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย 1, 8, 12 (สถานี Concorde) และรถเมล์หลายสาย
จตุรัสคองคอร์ดเป็นสถานที่แห่งความทรงจำทางประวัติศาสตร์ การนองเลือดที่จัตุรัสแห่งนี้จากสงครามกลางเมืองที่นำไปสู่ การปฏิวัติการปกครองของฝรั่งเศส รวมทั้งเป็นจุดจบของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พร้อมกับพระนางมารีอังตัวเนตด้วยเครื่องประหารกิโยติน (Guillotine)
การปฎิวัติฝรั่งเศสทำให้เกิดวลี “เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ (Liberty, Equality, Fraternity)” อันกลายเป็นคำขวัญของประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน
เสาโคมไฟอันหรูหราสวยงามบริเวณจตุรัส
Hôtel de la Marine เป็นอาคารเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บน Place de la Concorde ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Ange-Jacques Gabriel และสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1757 ถึง 1774
สิ่งสำคัญในจตุรัสแห่งนี้คือ เสาโอเบลิสก์ (L’Obélisque) และ ประติมากรรมน้ำพุ Fontaine de Jacques Hirtoff ขนาดใหญ่ 2 แห่ง
โอเบลิสก์ (L’Obélisque) เป็นเสาหินโบราณปลายแหลม อายุกว่า 3,200 ปีจากวิหารลักซัวร์ (Luxor) ที่ตกแต่งด้วยอักษรอียิปต์โบราณเพื่อยกย่องการครองราชย์ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 เป็นของขวัญที่รัฐบาลอียิปต์มอบให้กับฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1829
เสาโอเบลิสก์ซึ่งเป็นเสาหินแกรนิต มีความสูงถึง 23 เมตร และมีน้ำหนักมากกว่า 250 ตัน เคยถูกใช้เป็นเครื่องหมายทางเข้าวิหารลุกซอร์ การยกเสาขึ้นถือเป็นความสำเร็จทางวิศวกรรมที่สำคัญในยุคนั้น บนฐานของเสามีภาพวาดอธิบายถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการขนส่งตลอดจนวิธีการยกเสาขึ้นตั้งด้วย
ประติมากรรมน้ำพุ Fontaine de Jacques Hittorff หลังจากเสร็จสิ้นการติดตั้งเสาโอเบลิสก์ลุกซอร์ในปี 1836 Jacques-Ignace Hittorff หัวหน้าสถาปนิกของจัตุรัสได้เดินหน้าสร้างน้ำพุใหม่ 2 แห่งเพื่อประดับตกเเต่งร่วมกับเสาโอเบลิสก์ น้ำพุของฮิตทอร์ฟฟ์แต่ละแห่งมีความสูงเก้าเมตร รูปปั้นรอบๆจัตุรัสเป็นตัวแทนของเมืองใหญ่ในฝรั่งเศส น้ำพุทะเล (Maritime Fountain) ตั้งอยู่ทางทิศใต้ ระหว่างเสาโอเบลิสก์และแม่น้ำแซน แสดงให้เห็นภาพทะเลที่ติดกับฝรั่งเศส ในขณะที่น้ำพุ Fluvial Fountain หรือน้ำพุแม่น้ำทางตอนเหนือระหว่างเสาโอเบลิสก์และถนน Rue Royale แสดงให้เห็นภาพแม่น้ำสายใหญ่ของฝรั่งเศส ถูกตั้งอยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่กิโยตินซึ่งประหารชีวิตพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกวางไว้
statue de Lille รูปปั้นหินที่เป็นตัวแทนของเมืองลีล (Lille) ในบริเวณจตุรัส
จากบริเวณจัตุรัสฯ มองไปทางทิศใต้ไกลๆ จะเห็น Palais Bourbon หรือ Assemblée Nationale ที่นี่เป็นสถานที่ประชุมของรัฐสภา ตั้งอยู่ในเขตที่ 7 ของกรุงปารีสบนฝั่งขวาของแม่น้ำแซน
มองไปทางทิศเหนือ อาคารที่เห็นไกลๆคือ โบสถ์ La Madeleine เป็นโบสถ์สำคัญในคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ถูกสร้างขึ้นเป็นในปี ค.ศ.1842 เพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญแมรี แม็กดาเลน (St.Mary Magdalene)
ทิศตะวันตกของจัตรัสคือถนนช็องเซลีเซ (Av. des Champs-Élysées) มองเห็น ประตูชัย (Arc de Triomphe) ตั้งโดดเด่นอยู่ไกลๆ
ที่มาของชื่อ Place de la Concorde มีความหมายว่า จัตุรัสแห่งความปรองดองหรือความสมานฉันท์ ชื่อที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อลบล้างภาพจำของเหตุการณ์การนองเลือดในอดีตที่ไม่อาจลืมเลือนได้
Opéra Garnier
โรงอุปรากรปาแลการ์นีเย หรือที่รู้จักกันในชื่อ โอเปร่าการ์นีเย (Opéra Garnier) เป็นหนึ่งในโรงอุปรากรที่โด่งดังที่สุดในโลก และถือเป็นงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของยุคฟื้นฟูบาโรก
โรงละครแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย ชาร์ลส์ การ์นีเยร์ (Charles Garnier) เปิดดำเนินการเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ.1875 การออกแบบของโรงละครนั้นวิจิตรบรรจงและหรูหรา โดยมีบันไดอันงดงาม ลวดลายเพดาน และโคมระย้าคริสตัล โรงละครสามารถจุผู้ชมได้ถึง 2,000 คน
เช่นเดียวกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ โอเปร่าการ์นีเย ก็กำลังอยู่ในช่วงของการบูรณะปรับปรุงเพื่อต้อนรับเทศกาลกีฬาโอลิมปิค 2024 ที่จะมาถึงด้วย
บริเวณใกล้กับโรงอุปรากรปาแลการ์นีเย มีวิหารสไตล์กรีกหลังใหญ่ (ที่มองเห็นได้จากจัตุรัสคองคอร์ด) ที่นี่คือโบสถ์ La Madeleine เป็นโบสถ์สำคัญในคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ถูกสร้างขึ้นเป็นในปี ค.ศ.1842 เพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญแมรี แม็กดาเลน (St.Mary Magdalene)
La Madeleine มีความโดดเด่นอย่างมากจากภายนอกเนื่องจากมีส่วนหน้าอาคารสไตล์นีโอคลาสสิก ซึ่งคล้ายกับวิหารกรีกโบราณ ตัวอาคารมีเสาโครินเธียน 52 ต้นซึ่งสูง 20 เมตร ทำให้อาคารมีรูปลักษณ์ที่สง่างาม บนหน้าจั่วมีภาพงานปั้นแบบนูนสูงซึ่งแสดงถึงการพิพากษาครั้งสุดท้าย
ที่ผ่านมาวันนี้เป็นเพียงเสี้ยวเดียวของสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเเลนด์มาร์คสำคัญของปารีส เราจะไปเดินย่ำเท้าสำรวจต่อกันในตอนหน้า.. \O.O/
โปรโมชั่นของบัตรและตั๋วเข้าชม
Paris Hop-On Hop-Off Sightseeing Bus:
Saine River Sightseeing Cruise:
Paris Eiffel Tower Entry Ticket:
Paris Centre Pompidou Private Tour:
Paris Louvre Museum Entry Ticket:
Paris Louvre Museum Private Tour:
แชร์เรื่องนี้:
Leave a reply