15-October-24
  • Menu

[เวียดนาม] บันทึกการเดินทาง: ซาปา – ฟานซิปัน

Home » [เวียดนาม] บันทึกการเดินทาง: ซาปา – ฟานซิปัน

Loading

ห้าปีให้หลังกับการกลับไปเยือนซาปาอีกครั้ง ด้วยจุดมุ่งหมายในการขึ้นไปพิชิตยอดเขาฟานซิปัน หลังจากพลาดโอกาสไปในครั้งก่อนเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่ดี คราวนี้เรายังคงเลือกใช้บริการรถทัวร์ Sapa Express ในการเดินทางเช่นเดิม ปัจจุบันอ๊อฟฟิตที่อยู่บนถนน Nguyễn Hữu Huân เมื่อห้าปีก่อนได้ย้ายขึ้นมาอีกประมาณ 2 บล็อคถนน (พิกัดใหม่) แต่ไม่ไกลจากที่เดิมมากนัก

รีวิวจากทริปเดินทางคราวที่แล้ว:

[การเดินทางสู่ซาปาด้วยรถบัส Sapa Express]

[สู่อ้อมกอดธรรมชาติ – ขุนเขาและนาข้าวที่ซาปา]

บนถนนระหว่างลาวไก-ซาปา มีการก่อสร้างสะพานข้ามหุบเขาของโครงการทางหลวงเชื่อม โหน่ยบ่าย-หล่าวกาย กับซาปา คาดว่าคงทำให้การเดินทางสู่ซาปาในอนาคตอันไกล้คงจะสะดวกสบายขึ้น

ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงจากฮานอย เราก็เดินทางถึงซาปาในเวลาประมาณบ่ายโมง ที่ตั้งเดิมของออฟฟิต(และจุดขึ้นรถ-ลงรถ) Sapa Express ในครั้งก่อน ปัจจุบันกลายเป็นที่ตั้งของ Sun Plaza ไปแล้ว ส่วนที่ตั้งใหม่ในปัจจุบันได้ย้ายไปอยู่บริเวณทะเลสาบซาปา (พิกัดใหม่)

ครั้งนี้เราพักที่ Phuong Nam Hotel เป็นโรงแรมเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง ไม่ไกลจาก Sun Plaza และ Sapa Square ลานเอนกประสงค์หน้าโบสถ์ Notre Dame Cathedral

ห้องพักของเราเป็นห้องหัวมุมที่สามารถมองเห็นวิวได้ดี ราคาต่อคืนไม่เเพง มีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ในละเเวกใกล้เคียงกับโรงเเรมด้วย นับว่าสะดวกสบายดี

บนชั้นดาดฟ้าของโรงเเรม สามารถมองเห็นวิวของเมืองซาปา และ Sun Plaza ที่ตั้งอยู่ห่างไปไม่ไกลได้

บรรยากาศของตัวเมืองและผู้คนที่ซาปาในวันนี้ยังคงดูไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อห้าปีก่อนเท่าใดนัก ยกเว้นอาคารที่ผุดขึ้นมาใหม่อย่าง Sun Plaza และรถโดยสารรับจ้างแบบใช้ไฟฟ้า(รถกอล์ฟ)ที่มีให้เห็นอยู่เกลื่อนเมือง

Sun Plaza น่าจะเรียกได้ว่าเป็นอาคารที่ทันสมัยและใหญ่โตที่สุดของซาปาในปัจจุบัน เป็นธุรกิจในเครือของ Sun Group ด้านปลายสุดของอาคารเป็นที่ตั้งของ สถานีรถราง (Funicular) Muong Hoa Station ซึ่งวิ่งไปเชื่อมกับ สถานีกระเช้าไฟฟ้า (Cable Car) Hoang Lien Station ที่ขึ้นไปยังยอดเขาฟานซิปัน นอกจากนี้บนชั้น 2 และชั้น 3 ยังมีร้านค้า ร้านอาหารตั้งอยู่ด้วย

อีกด้านหนึ่งของ Sun Plaza (และเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่) เป็นที่ตั้งของโรงเเรมหรูหราห้าดาวในเครือ Accor ชื่อ de la Coupole – MGallery Hotel

โครงการ ซันเวิลด์ ฟานซีปัน เลเจนด์ (Sun World Fansipan Legend) เป็นโปรเจ็คที่พัฒนาและลงทุนโดย Sun Group แห่งประเทศเวียดนาม จากการได้ปรับปรุงระบบกระเช้าลอยฟ้า อาคารสถานที่ ตลอดจนการก่อสร้างรถรางที่เชื่อมตรงจากใจกลางเมืองซาปาไปยังสถานีกระเช้า ได้เปลี่ยนมิติการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อพิชิตยอดเขาฟานซิปานแบบก้าวกระโดด ทำให้ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว

Photo Credit: KKday.com

จุดขึ้นรถรางในเมืองซาปา ตั้งอยู่ที่ปลายด้านในสุดของตึก Sun Plaza

ตู้ขบวนรถรางมีขนาดใหญ่โตกว้างขวาง จุผู้โดยสารได้มากถึง 200 คน

รถรางจะเเล่นออกจากตัวเมืองซาปาไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ผ่านบริเวณท้องทุ่งนาขั้นบันได และหมู่บ้านกั๊ดกั๊ด มองเห็นวิวสวยงามตลอดเส้นทาง

 

ใช้เวลาไม่นาน รถรางก็จะไปถึง สถานีกระเช้าไฟฟ้า Fansipan Cable Car (Hoang Lien Station) ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นจุดแวะพักและท่องเที่ยว ก่อนที่จะโดยสารกระเช้าไฟฟ้าเพื่อต่อขึ้นไปยังยอดเขาฟานซีปาน (หรืออาจจะแวะเที่ยวชมตอนช่วงขากลับลงมาจากยอดเขาก็ได้) ที่นี่มีจุดชมวิว สวนดอกไม้ วัดจีน ตลาดขายของที่ระลึกของชาวเขาพื้นเมืองฯลฯ ตลอดจนภัตตาคารอาหารบุฟเฟ่ต์ขนาดใหญ่ก็มีให้บริการ

อาคารในส่วนที่เป็นสถานีรถราง

ถ้าออกมาด้านนอกอาคาร จะพบว่ามีลานจอดรถขนาดใหญ่ สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังสถานีกระเช้าไฟฟ้าเเห่งนี้โดยทางรถยนต์

ระหว่างทางเดินไปยังสถานีกระเช้าไฟฟ้า มีการจัดเเสดงแกลลอรี่ภาพถ่ายสวยๆของฟานซีปานในฤดูต่างๆ ที่ชนะการประกวดให้ชมด้วย

จุดเช็คอินเพื่อขึ้นกระเช้าไฟฟ้ามีขนาดกว้างขวาง สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก

กระเช้าโดยสารมีขนาดใหญ่ กว้างขวาง และทันสมัย

กระเช้าไฟฟ้าของเรา กำลังจะเดินทางทะลุเมฆหมอกสูงขึ้นไปอีก..

สถานีปลายทางของกระเช้าไฟฟ้า เป็นโถงอาคารขนาดใหญ่ มีร้านอาหารที่มีลักษณะเป็นฟู้ดคอร์ด จุดนัดพบ-นั่งพัก ห้องน้ำ และร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่ ที่นี่ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทาง เเต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพิชิตยอดเขาฟานซิปันเท่านั้น..

ฟานซีปัน (เวียดนาม: Phan Xi Păng) ตั้งอยู่ในเทือกเขา Hoang Lien Son ยอดเขาฟานซีปันได้รับฉายาว่า “หลังคาแห่งอินโดจีน” (Roof of Indochina) ด้วยความสูง 3,143 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล (ความสูงนับจากฐาน 1,613 เมตร) นับว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของสามประเทศในคาบสมุทรอินโดจีน ได้แก่ เวียดนาม ลาว และกัมพูชา

เดินไปที่ประตูทางออกด้านหลังของอาคารสถานีกระเช้าไฟฟ้า แล้วขึ้นบันไดไปอีกเล็กน้อย การเที่ยวชม(กึ่งผจญภัยเล็กๆ)เพื่อมุ่งสู่ยอดเขาฟานซีปันจะเริ่มต้นนับจากจุดนี้..

Sun Group ได้ออกแบบและก่อสร้างศาสนสถานและปฎิมากรรมต่างๆบนเส้นทางที่จะนำเราไปสู่ยอดเขาฟานซีปัน พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างครบครัน เช่นทางเดินปูหิน, บันได หรือเเม้เเต่รถรางที่จะพาเราเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขาในช่วงสุดท้าย (กรณีที่เดินไม่ไหวเนื่องจากความชัน) เรายอมรับว่าประสบการณ์เเละสิ่งที่ได้พบเห็นในการมาเที่ยวชมครั้งนี้ มันดีกว่าที่เราคาดหวังไว้ในใจมาก 😀

เส้นทางเดินสู่ยอดเขาฟานซีปัน จะพาเราผ่านสถานที่ต่างๆ เริ่มต้นจาก..

The Enlightenment Path of Thanh Van (Tam Quan Dac Lo)

ซุ้มประตูที่เปรียบเสมือนทางเข้าสู่พื้นที่แห่งจิตวิญญาณ ประกอบด้วยเสาหินอ่อนสี่ต้น  โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาของราชวงศ์ลี๊ (Ly Dynasty) ในอดีต

Thanh Van Dac Lo เปรียบได้กับ “ประตูสวรรค์” เพราะเมื่อยืนอยู่ที่นี่ เราจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกว่าสวรรค์และโลกหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวนั้นเป็นอย่างไร เพราะตลอดทางเดินรอบพื้นที่นี้ เราสามารถมองออกไปเห็นภูเขาสูงตระหง่านทั้งสี่ทิศที่ล้อมรอบด้วยหมอกเมฆ มีความรู้สึกโปร่งโล่ง และสดชื่นกับอากาศที่บริสุทธิ์ เสมือนบ่งบอกว่าคุณกำลังย่างเท้าเข้ามาสู่ทางแยกของฟ้าและดิน

ในวันที่อากาศสดใส จะเป็นวันที่เที่ยวฟานซิปันได้ดีที่สุด เพราะสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามได้กว้างไกล เเต่เนื่องจากตั้งอยู่บนที่สูง บ่อยครั้งจึงอาจจะพบกับลมเเรงและเมฆหมอกที่ปกคลุมได้ แม้ว่าตอนออกจากเมืองซาปาด้านล่างอากาศจะยังคงมีเเดดจ้าสดใส (อย่างเช่นเราในครั้งนี้) เเต่ก็ถือว่าเป็นความสวยงามในอีกบรรยากาศหนึ่ง TT

Bich Van Zen Monastery

อาราม Bich Van Zen ที่นี่คือจุดหมายปลายทางแห่งแรกของสถานที่ทางจิตวิญญาณบนฟานซิปัน สถานที่นี้เป็นองค์ประกอบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนาของราชวงศ์ทราน (Tran Dynasty) วัดนี้ขนาบข้างอย่างสมมาตรด้วย วัด Saint Tran Hung Dao และ วัด Three Holy Mothers ซึ่งหลังคาและลวดลายตกแต่งได้รับอิทธิพลอย่างชัดเจนจากแก่นแท้ของราชวงศ์ Tran

Fansipan

Grand Belfry

หอระฆัง Grand Belfry มีห้าชั้น สูง 32.8 เมตร แต่ละชั้นของ Grand Belfry มีระฆังทองสัมฤทธิ์ซึ่งหล่อขึ้นตามแบบฉบับดั้งเดิมในสมัยราชวงศ์ Tran ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 13 และ 14

Funicular to the Fansipan

ในช่วงสุดท้ายของเส้นทางสู่ยอดเขาฟานซิปัน ต้องเดินขึ้นบันไดซึ่งค่อนข้างชันอีกเป็นระยะทางพอสมควร แต่มีอีกหนึ่งทางเลือกคือใช้บริการรถรางไฟฟ้า (Funicular) แทน เส้นทางของรถรางไฟฟ้านี้คดเคี้ยวเป็นรูปโค้งและผ่านอุโมงค์ใกล้กับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ แล้วไปสุดทางที่สถานียอดเขา

ออกจากสถานีรถรางบนยอดเขา เดินขึ้นบันไดอีกเล็กน้อยก็จะถึงจุดสูงสุดของฟานซิปัน

Fansipan Summit

จุดที่เป็นยอดเขาสูงสุดของฟานซิปัน นอกจากจะมีหลักหมุดแสดงความสูง และเสาธงชาติของเวียดนามแล้ว ยังมีการสร้างเป็นพื้นยกสูง (แพลตฟอร์ม) สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวในการถ่ายรูปและชมวิวอีกด้วย

สำหรับขาลง ก็มีสองทางเลือกอีกเช่นกัน คือโดยสารรถรางไฟฟ้าเหมือนตอนขาขึ้นมา แต่วิธีที่นิยมกันก็คือเดินตามบันไดลงมาเรื่อยๆ (เป็นคนละทางกับขาขึ้น) โดยจะผ่านจุดท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ซึ่งถ้าเราโดยสารรถรางไฟฟ้าลงมา จะพลาดโอกาสในการเที่ยวชมสถานที่เหล่านั้นไปอย่างน่าเสียดาย

Bao An Zen Monastery – Trinh Pagoda

อาราม Bao An Zen และเจดีย์ 11 ชั้น Trinh

Guanyin Statue

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม เป็นรูปปั้นที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ สูง 12 เมตร หนัก 18 ตัน ดวงตาจับจ้องไปทางทิศตะวันออก มือขวาถือกิ่งวิลโลว์และแจกันศักดิ์สิทธิ์ในมือซ้ายซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเมตตาและความกรุณา
กดฝ่ามือของเราเข้าด้วยกันเพื่ออธิษฐานต่อหน้ารูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นประธานอยู่เหนือหินยักษ์ ทอดสายตาไปยังทิวทัศน์เบื้องล่าง ผู้เยี่ยมชมจะรู้สึกผ่อนคลายและสงบลงอย่างน่าอัศจรรย์

Alahat Path

เส้นทางอรหันต์ (Alahat Path) อยู่ถัดจากรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม เป็นทางเดินปูด้วยหินที่ทอดยาว 800 เมตรเลาะไปตามไหล่เขา มีจุดเเวะพักชมวิว (เสียดายที่วันนี้สภาพอากาศไม่เป็นใจกับเรา) ตามรายทางมีรูปปั้นพระอรหันต์สำริด 18 องค์ในอิริยาบถและสีหน้าที่แตกต่างกัน รูปปั้นเหล่านี้สูง 2.5 ม. และหนักระหว่าง 500 ถึง 600 กก. นอกจากนี้ตลอดเส้นทางจะถูกประดับประดาไปด้วยพรรณไม้ชวนชมหลากสีสันตลอดทาง ซึ่งบางต้นอาจอยู่รอดมาแล้วหลายศตวรรษ กลางเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนมิถุนายน ดอกอะเซเลียจะบานสะพรั่งสร้างสีสันให้ตลอดเส้นทาง

The Great Buddha Statue

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ในท่าประทับนั่ง สูง 21.5 เมตรหล่อด้วยทองแดงกว่า 50 ตัน โครงสร้างมี 3 ชั้น ชั้นบนเป็นพระพุทธรูปทองแดงองค์ใหญ่อยู่บนแท่นดอกบัวสูง 8 ม. ชั้นสองเป็นห้องบรรยายและชั้นล่างจะเป็นที่สำหรับผู้เข้าชมเพื่อดื่มชาและอาหารมังสวิรัติ หรือกิจกรรมอื่นๆ

เส้นทางของรถรางไฟฟ้าจะผ่านมาข้างๆพระพุทธรูปองค์ใหญ่นี้ ก่อนที่จะไปสิ้นสุดที่สถานีบนยอดเขา

9-storey Waterfall

จากพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เป็นน้ำตก 9 ชั้น สูง 30 เมตร ด้านหน้ามีเสาจารึกพระไตรปิฎก ขนาบข้างด้วยบันไดหิน 150 ขั้นที่จะนำเราลงมาบรรจบกับบริเวณสถานีรถรางด้านล่าง

 

Video Credit: vietnamnomad.com/

แชร์เรื่องนี้: