จีนยุคหลังม่านไม้ไผ่: การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือที่รู้จักกันในนาม จีนแผ่นดินใหญ่ (Mainland China) เคยเป็นประเทศที่ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก ภายใต้การนำของ เหมา เจ๋อตุง ผู้นำที่ยึดมั่นในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์อย่างเคร่งครัด จีนดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบปิดและควบคุมโดยรัฐบาลอย่างเบ็ดเสร็จ ทว่า จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปลายทศวรรษ 1970 เมื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง ก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี ค.ศ. 1978
เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำวิสัยทัศน์กว้างไกล ได้ริเริ่มนโยบายที่เรียกขานว่า “การปฏิรูปและเปิดประเทศ” (改革开放) ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูจีนสู่โลกภายนอกอย่างแท้จริง นโยบายนี้นำมาซึ่งการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ การเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศ และการผสมผสานกลไกตลาดเข้ากับระบบสังคมนิยมแบบจีนอย่างลงตัว
ในยุคแรกของการเปิดประเทศ ภาพลักษณ์ของจีนยังคงเป็นประเทศที่ล้าหลังทางเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน ภาพจำของผู้คนทั่วโลกคือ ถนนหนทางในกรุงปักกิ่งที่เต็มไปด้วยผู้คนขี่จักรยานไปมา สะท้อนถึงความเรียบง่ายและความล้าหลังทางเทคโนโลยีในขณะนั้น
แต่แล้ว เวลาเพียง 40 ปีก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งของประเทศจีน ปัจจุบัน จีนได้ก้าวกระโดดไปไกลอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า โครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยี จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจที่ท้าทายประเทศตะวันตกได้อย่างสง่างาม ชนิดหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว ^^
เส้นทางการพัฒนารถไฟความเร็วสูงของจีน
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-05-1024x576.jpg)
จากภาพอันคุ้นตาของผู้คนปั่นจักรยานบนท้องถนนในอดีต จีนได้ก้าวกระโดดสู่ยุคใหม่แห่งการคมนาคม พัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง จนสามารถเทียบชั้นและก้าวล้ำนานาประเทศทั่วโลก
ในช่วงแรกก่อนปี ค.ศ. 2003 จีนพยายามบากบั่นพัฒนารถไฟความเร็วสูงด้วยตนเอง โดยมีรากฐานจากงานวิจัยและพัฒนาด้านขนส่งระบบรางที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 แต่ด้วยข้อจำกัดด้านขีดความสามารถภายในประเทศ ทำให้ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2003 เมื่อจีนปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ ด้วยการ นำเข้าองค์ความรู้จากต่างชาติ โดยการให้บริษัทต่างชาติที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงเข้ามาร่วมพัฒนา โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ การถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับจีนอย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิตชิ้นส่วน การทดสอบ ไปจนถึงการกำหนดมาตรฐาน และที่สำคัญที่สุด คือการอนุญาตให้จีนผลิตรถไฟความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ของตนเอง
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-13-1024x614.jpg)
ปี 2004 จึงเกิดการประมูลรถไฟความเร็วสูง 4 ล็อตใหญ่ของจีน โดยมีผู้ชนะการประมูลเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Alstom จากฝรั่งเศส, Siemens จากเยอรมนี, Bombardier จากแคนาดา และ Kawasaki จากญี่ปุ่น จีนสั่งซื้อรถไฟจากแต่ละบริษัท บริษัทละ 60 ขบวน พร้อมทั้งส่งวิศวกรและช่างเทคนิคไปเรียนรู้จากทั้ง 4 ประเทศ
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-10-1024x684.jpg)
จากการผสานเทคโนโลยีของ 4 ชาติชั้นนำ จีนได้หลอมรวมองค์ความรู้เหล่านี้เข้าด้วยกัน ก่อเกิดเป็นรถไฟความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ CRH หรือ China Rail High-speed ซึ่งมีนัยยะแฝงที่น่าสนใจ ตัว ‘H’ ที่หลายคนเข้าใจว่าหมายถึง High-speed แท้จริงแล้วคือ Harmony หรือความกลมกลืน สะท้อนให้เห็นถึงการผสานเทคโนโลยีจากทั่วโลกอย่างลงตัว
โครงการแรกเริ่มก่อสร้างในปี 2005 และ เริ่มต้นการให้บริการรถไฟความเร็วสูงเป็นครั้งเเรกในปี 2008 ซึ่งตรงกับปีที่จีนเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก เส้นทางแรกคือ ปักกิ่ง-เทียนจิน ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร นับเป็นการประกาศให้ชาวโลกได้ประจักษ์ว่า จีนได้ก้าวสู่ยุคใหม่ของการผลิตรถไฟความเร็วสูงในประเทศอย่างเต็มภาคภูมิ
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-15-1024x767.jpg)
จวบจนปัจจุบัน จีนมีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเส้นทางการให้บริการมากกว่า 43,700 กม. (*สถิติในเดือนพฤศจิกายน 2023) ครอบคลุม-เชื่อมต่อเมืองต่างๆทั่วประเทศมากกว่า 550 เมือง และมีเป้าหมายพัฒนาต่อไปให้ถึง 50,000 กม.ในปี 2025 และ 70,000 กม. ภายในปี 2035
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/Chinese-high-speed-rail-2008-vs-2024-1024x423.jpg)
รู้จักรถไฟจีน(ให้มากขึ้น)กัน
China Railway High-speed (CRH) เป็นชื่อทางการค้า (โลโก้) ของบริการรถไฟความเร็วสูงของของจีน (เริ่มเปิดตัวเเละใช้ตั้งแต่ เมษายน 2007) ซึ่งดำเนินการโดยการรถไฟแห่งประเทศจีน (China Railway – CR)
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-12-1024x671.jpg)
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-21-1024x800.jpg)
แบรนด์ CRH กำลังถูกแทนที่ด้วยแบรนด์ CR (China Railway) ในรถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ๆ ที่นำร่องโดยรุ่น “ฟู่ซิง (Fuxing)” การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง โดยย้ายจากการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศไปสู่นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเองภายในประเทศ
ประเภทของรถไฟความเร็วสูงจีน
รถไฟความเร็วสูงของจีนถูกแบ่งออกเป็นประเภทโดยจำเเนกตามความเร็ว โดยดูได้จาก รหัสอักษรตัวเเรกของหมายเลขบวน รหัสเหล่านี้บ่งบอกถึงประเภทของรถไฟ ความเร็ว และระดับของบริการ ได้เเก่:
G (高铁 – Gāotiě): เป็นรถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด ส่วนใหญ่เป็นขบวนรถในเส้นทางระหว่าง เมืองใหญ่หรือศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ มีความเร็วเฉลี่ยประมาณ 300-350 กม./ชม. ตัวอย่างเช่น รถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ ที่เชื่อมสองมหานครที่อยู่ห่างกัน 1,318 กม. (819 ไมล์) เเต่ใช้เวลาเดินทางเพียง 4.5 ชั่วโมงเท่านั้น
D (动车 – Dòngchē): คือรถไฟความเร็วสูงระดับปานกลาง หรือ รถไฟด่วน (Express Train) ใช้สำหรับเส้นทางระหว่างเมือง (มีจุดจอดน้อย) มีความเร็วประมาณ 200-250 กม./ชม. มีขั้นที่นอนด้วยในบางขบวนที่เดินทางไกลหรือข้ามคืน
C (城际 – Chéngjì): คือ รถไฟระหว่างเมือง (Intercity Train) มักใช้สำหรับการเดินทางระยะสั้นระหว่างเมืองใกล้เคียงหรือในเขตเมืองใหญ่ มีความเร็วประมาณ 200 กม./ชม.
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-17-1024x580.jpg)
ชั้นโดยสารของรถไฟความเร็วสูงจีน
ชั้นสอง (Second Class): มี 5 ที่นั่งต่อแถว (3+2) ราคาค่าโดยสารต่ำสุด
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-25-1024x475.jpg)
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-28-1024x670.jpg)
ชั้นหนึ่ง (First Class): มี 4 ที่นั่งต่อแถว (2+2) ที่นั่งกว้างและสะดวกสบายกว่า ราคาค่าโดยสารสูงกว่าชั้นสองประมาณ 20% ถึง 40%
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-22-1024x458.jpg)
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-29-1024x739.jpg)
ชั้นธุรกิจ (Business Class): เทียบเท่ากับที่นั่งชั้นหนึ่งบนเครื่องบิน มี 3 ที่นั่งต่อแถว (2+1) ที่นั่งปรับเอนราบได้ ค่าโดยสารประมาณสองเท่าของชั้นหนึ่ง
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-38-1024x420.jpg)
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-31-1024x695.jpg)
ชั้นวีไอพี (Superior Class): มีให้บริการในรถไฟประเภท G และ D บางขบวน สะดวกสบายเทียบเท่าที่นั่งชั้นหนึ่ง มี 3 ที่นั่งต่อแถว (2+1) ราคาค่าโดยสารประมาณสองเท่าของชั้นสอง
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-30-1024x660.jpg)
ฟู่ซิงเหา (Fuxing Hao) – รถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ล่าสุดของจีน
Fuxing Hao (ฟู่ซิงห้าว) เป็นชื่อของรถไฟความเร็วสูงรุ่นใหม่ที่พัฒนาโดยการรถไฟจีน (China Railway) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ CR (China Railway High-speed) เปิดตัวเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2017
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-14-1024x577.jpg)
รายละเอียดและคุณสมบัติของรถไฟ Fuxing Hao:
การออกแบบและผลิต: Fuxing Hao เป็นรถไฟที่ถูกออกแบบและผลิตในประเทศจีนทั้งหมด โดยเริ่มพัฒนาในปี 2012 และเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2016
ความเร็ว: รถไฟรุ่นนี้สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 400 กม./ชม. (250 ไมล์/ชม.) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรถไฟความเร็วสูงที่เร็วที่สุดในโลก (สูงกว่ารถไฟชินคันเซนของญี่ปุ่น ที่มีความเร็วสูงสุดประมาณ 320 กม./ชม. หรือ 200 ไมล์/ชม.)
ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ: Fuxing Hao มีการออกแบบที่เน้นความปลอดภัยและลดการใช้พลังงาน รวมถึงมีระบบ Wi-Fi ให้บริการแก่ผู้โดยสาร
Fuxing Hao จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีการขนส่งที่ทันสมัยของจีน และจะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งในภูมิภาคเอเชีย
ปลายปี 2564 เส้นทางรถไฟจีน-ลาว เชื่อมต่อระหว่างเมืองคุนหมิง-เวียงจันทน์ได้เริ่มเปิดใช้งาน และมีโครงการเชื่อมกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย ในอนาคต
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/รถไฟจีน-ลาว-2-1024x683.jpg)
Fuxing Hao จะถูกใช้ในโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างกรุงเทพฯ – หนองคาย รถไฟรุ่นนี้มีความจุที่นั่งประมาณ 600 ที่นั่งต่อขบวน และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 50,000 คนต่อชั่วโมงในทิศทางเดียว
![](https://www.gotouchthesky.com/wp-content/uploads/2024/09/China-Highspeed-Train-20-983x1024.jpg)
หันกลับมามองบ้านเราแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้.. ประเทศไทยมีรถไฟมากว่าร้อยปี โดยวันที่ 26 มีนาคม 2565 จะครบ 125 ปีวันสถาปนารถไฟไทย แต่ ‘รถไฟไทย’ กลับทรุดโทรมไปตามกาลเวลา (แทนที่จะก้าวหน้า) และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความล่าช้าและผู้ยากไร้.. T.T
การจองซื้อตั๋วรถไฟในประเทศจีน
การจองตั๋วรถไฟในประเทศจีน สามารถจองได้ผ่านเว็บไซต์ของ การรถไฟจีน หรือ App 12306 เเต่ขั้นตอนการลงทะเบียนจะยุ่งยากหน่อย ในปัจจุบันสามารถจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Trip.Com ได้เเล้ว (ล่วงหน้า 15 วันก่อนการเดินทาง) สามารถยกเลิก เปลี่ยนขบวน ฯลฯ ได้อย่างยืดหยุ่น หลังจากจองสำเร็จจะมีอีเมล์มายืนยัน ในวันเดินทางสามารถใช้พาสปอร์ตไปสเเกนที่ประตูทางเข้าชานชลารถไฟได้เลย (ไม่ต้องใช้ตั๋ว) นับว่าสะดวกสบายมาก
แชร์บทความนี้: